Welcome to Kruying2513 blog ยินดีต้อนรับสู่บลอก kruying2513 สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อและแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้เรียน

วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

happy13_(1).gif

เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีและมีความสุข
ลูกเป็นสิ่งมีค่าที่สุดของพ่อแม่ พ่อแม่จึงสมควรทำความเข้าใจเรื่องการเลี้ยงลูก ให้เป็นคนดีและมีความสุข ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขแห่งอนาคตของลูก และความปลาบปลื้มภูมิใจของพ่อแม่ อีกทั้งการเลี้ยงลูกให้ดีถือเป็นหน้าที่สำคัญของพ่อแม่ ถ้าเลี้ยงไม่ดีโตขึ้นเป็นคนไม่ดีหรือเป็นคนที่ไม่มีความสุขหรือทั้งสองอย่าง ความทุกข์ใจก็จะเกิดกับตนเอง ลูก ครอบครัวและสังคม
ก่อนอื่นเราลองดูตัวอย่างการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีแต่ไม่มีความสุข
          นิดพยายามเป็นคนดีของทุกคนเสมอ นิดยอมตามใจพ่อแม่ทุกอย่าง นิดเป็นเด็กเรียนเก่ง พ่อแม่จึงอยากให้เรียนแพทย์แต่นิดสอบเข้าไม่ได้พ่อแม่อยากให้สอบใหม่ เพราะคาดหวังสูง แต่นิดก็รู้ตัวดีว่าคงสอบไม่ได้ นิดพอใจที่จะเรียนต่อในคณะเดิมแต่ไม่กล้าบอกพ่อแม่ นิดเครียดมากจนปวดศีรษะและไม่มีความสุข ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวังในตัวเธอ ลักษณะที่ดีกับพ่อแม่จนเป็นทุกข์ต่อตนเอง หรือเป็นคนดีเกินไป นั่นคือลักษณะที่ไม่ดีจริง เก็บกดและไม่มีความสุข สนใจความรู้สึกและความคาดหวังของพ่อแม่มากจนเกินไป หลังจากที่เธอได้ปรึกษากับจิตแพทย์เธอสามารถเปิดเผยความต้องการที่แท้จริงกับพ่อแม่ และสามารถอธิบายให้พ่อแม่ยอมรับขีดความสามารถของเธอ อาการปวดศีรษะก็หายไปได้
            นุชเป็นลูกคนเดียวในครอบครัวที่มีฐานะดีมาก นุชได้รับการเลี้ยงดูแบบคุณหนูหรือไข่ในหิน พ่อแม่และพี่เลี้ยงจะปรนนิบัตินุชเป็นอย่างมากจนทำให้นุชไม่ค่อยได้ทำอะไรเองตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวหรือแม้แต่การรับประทานอาหาร เมื่อโตขึ้นนุชก็แต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้ นุชพบว่าตนเองเป็นคนไม่มีความสุข จะเครียดแลกังวลมากเวลาต้องตัดสินใจหรือเผชิญปัญหา นุชจะคอยพึ่งคนอื่นให้ตัดสินใจแทนอยู่เสมอ เมื่อเธอได้รับการรักษาแบบจิตบำบัด นุชเริ่มเข้าใจตนเอง ตั้งแต่เด็กนุชจะถูกห้ามไม่ให้ทำอะไรเอง เพราะพ่อแม่จะกลัวทำได้ไม่ดี นุชจึงเคยชินที่จะอยู่ในกรอบที่พ่อแม่ตีเส้นไว้ให้ เพื่อจะได้ไม่ผิดพลาดหรือมีปัญหา ปัจจุบันนุชเข้าใจและยอมรับแล้วว่า การตัดสินใจเองหรือเผชิญปัญหาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ถูกปลูกฝังเอาไว้ เป็นเรื่องปกติของชีวิตมนุษย์ที่ต้องประสบปัญหาและต้องตัดสินใจ แม้ผิดพลาดไปก็สามารถรับสภาพได้โดยไม่เครียดจนเกินไป ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากมายที่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง เป็นบทเรียนสำคัญนำไปสู่ความสำเร็จ
            นิดและนุชเป็นตัวอย่างของคนดีที่ไม่มีความสุข ต่างก็ไม่พอใจและไม่มีความสุข จากสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่อันเนื่องมาจากการอบรมเลี้ยงดู จิตบำบัดเป็นจุดเริ่มต้น ในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่พอใจและมีความสุขกว่าเดิม แม้ว่าลูกจะเป็นคนดี ไม่เป็นที่เดือดร้อนต่อสังคม แต่พ่อแม่ก็คงไม่อยากเห็นลูกไม่มีความสุขอย่างนิดและนุช หรือคนอื่นๆ อีกมากมาย
ที่นี้มาดูตัวอย่างของการเลี้ยงลูกให้มีความสุขแต่ไม่ได้เป็นคนดี กลุ่มนี้จะสร้างปัญหาให้คนรอบข้างและสังคม
          สิทธิ์เป็นคนเก่งที่มีความสุขแต่เป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากและไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น เขาชอบทำสิ่งผิดๆ เพียงเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่หวังไว้โดยเฉพาะความร่ำรวยและอำนาจ แม้ว่าสิทธิ์จะประสบความสำเร็จเสมอๆ แต่ก็สร้างปัญหาให้เพื่อนร่วมงานองค์กรและสังคมอยู่เนืองนิตย์ สิทธิ์เป็นลูกคนเดียวของครอบครัวฐานะดี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา ต่างให้ความรักมากมายจนสิทธิ์เคยตัว ทุกคนจะยอมเพราะเห็นว่าเป็นเด็ก สิทธิ์เป็นแต่ฝ่ายรับโดยให้ใครไม่เป็น ไม่ยอมใครและไม่เอาใจใคร สิทธิ์ไม่มีพี่น้องที่จะแข่งกันทำความดีเพื่อให้พ่อแม่สนใจชมเชยและไม่ได้สังคมพี่น้อง ที่แบ่งปันซึ่งกันและกัน พ่อแม่ที่มีลูกคนเดียวคงต้องสำรวจว่าลูกเป็นแบบสิทธิ์หรือไม่ แม้ไม่ใช่ลูกคนเดียวแต่ถ้าเด็กเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน หรือเป็นลูกบังเกิดเกล้าแล้ว ก็จำเป็นต้องรีบแก้ไขการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมของเด็กตั้งแต่ยังเล็ก ถ้าปล่อยปละละเลยหรือให้ท้ายเด็กเวลาทำผิดโตขึ้นจะแก้ไขยาก สร้างความเดือดร้อนแก่ครอบครัวและสังคม

จากตัวอย่างทั้งหมดแสดงให้เห็นผลจากการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมของเด็กที่ไม่ดี ทำให้เกิดลักษณะของกระแสความคิดที่คุ้นเคยจนเป็นนิสัยและบุคลิกภาพ

สำหรับหลักในการเลี้ยงดูเด็ก ได้แก่
1. เลี้ยงดูด้วยความรัก จากการศึกษาติดตามเด็กอนาถาในสถานสงเคราะห์นิวยอร์คพบว่า เด็กจะสูญเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 37 ทั้งๆ ที่เด็กได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี แต่เด็กจะร้องไห้มาก หงุดหงิดง่าย ไม่อยากอาหาร อ่อนเพลีย ติดเชื้อง่ายและตายในที่สุด โดยแพทย์ลงความเห็นว่าเด็กเป็นโรคขาดรักหรือโรคขาดแม่ แม้ว่าความรักของแม่จะยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จเพียงข้อเดียวที่ทำให้เด็กเติบโตป็นคนดีและมีความสุข
2. ให้ข้อจำกัดกับเด็กในเรื่องต่างๆ ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ไม่ควรห้ามไปทุกเรื่องจนเด็กขาดความมั่นใจ และไม่ควรตามใจไปทุกเรื่อง จนเด็กเอาแต่ใจตนเองควรห้ามกรณีที่เห็นว่าจะเป็นอันตรายต่อเด็ก ผู้อื่นและการทำลายสิ่งของ เช่น ถ้าเป็นเด็กเล็กไม่ควรให้เล่นมีด ไม่เตะบอลในบ้าน ไม่ขีดเขียนที่ฝาผนังบ้าน ไม่ฉีกหนังสือ เป็นต้น ข้อห้ามที่ใช้ควรมีเหตุผลและมีการปฏิบัติเสมอตนเสมอปลาย ถ้าพ่อแม่ใจอ่อนจะฝึกเด็กไม่ได้เลย ไม่ควรกลัวปฏิกิริยาของเด็กเวลาถูกขัดใจ แม้ว่าเด็กจะร้องไห้บ้าง ดิ้นหรือโวยวายก็ตามเพราะเด็กจะเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีขึ้น และอดทนต่อความผิดหวังได้ดีขึ้น
3. ส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีตามวัย ได้แก่ พัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สติปัญญา สังคม จริยธรรม โดยมีผลรวมของพัฒนาการด้านต่างๆ กลายเป็นพัฒนาการของบุคลิกภาพของเด็ก

เทคนิคการอบรมสั่งสอนเด็ก
1. การอธิบายเหตุผลอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องอธิบายสั้นๆ ไม่ควรพูดยืดยาว เช่น หนูปีนรั้วไม่ได้เดี๋ยวจะตกลงมา หนูไม่ใส่รองเท้าในบ้านเพราะพื้นบ้านจะสกปรก
2. การเบนความสนใจไปจากสิ่งที่ห้ามโดยใช้สิ่งที่น่าสนใจกว่า เวลาห้ามเด็กไม่ให้ทำสิ่งใดก็ควรสอนว่าให้ทำสิ่งใดแทน เช่น ห้ามไม่ให้เด็กขีดเขียนฝาผนังก็หากระดาษมาให้เขียนแทน
3. การใช้ท่าทีที่มั่นคง หนักแน่นและจริงจัง อาจต้องจูงเด็กไปทำสิ่งที่ต้องทำ
4. การให้อิสระเด็กในการแสดงความคิดเห็นและความรู้สึก ควรให้เด็กรู้สึกว่ามีอะไรในใจก็พูดคุยกันได้กับพ่อแม่
5. การให้รางวัลเมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่ดี หรือเมื่อเด็กหยุดพฤติกรรมที่ไม่ดี อาจเป็นคำพูดชมเชย โอบกอดหรือลูบหัว
6. การเลิกให้ความสนใจต่อพฤติกรรมที่ไม่ดี ควรให้ความสนใจ หรือให้รางวัลเวลาเด็กมีพฤติกรรมที่ดี เช่น ไม่ให้ความสนใจเด็กที่ร้องกวนแม่ เวลาแม่กำลังทำอาหาร และชมเชยเมื่อเด็กสามารถอยู่ตามลำพังบ้าง ไม่ให้ความสนใจเด็กที่ไม่ยอมรับประทานอาหาร มัวแต่เขี่ยอาหารเล่น แต่ชมเชยเด็กที่ยอมรับประทานอาหารแต่โดยดี เทคนิคนี้ต้องเลือกใช้อย่างเหมาะสม ถ้าพฤติกรรมที่เราไม่ให้ความสนใจเป็นสิ่งที่เป็นเสมือนรางวัลแก่เด็กในตัวแล้วเทคนิคนี้จะไม่ได้ผล เช่น ไม่สนใจเด็กอ้วนเวลากินขนม ไม่สนใจเด็กเวลาดูโททัศน์ไม่เลิก
7. การเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็ก เด็กมักเอาอย่างการกระทำของผู้ใหญ่ มากกว่าการสั่งสอนด้วยคำพูด
8. การลงโทษ ควรใช้เป็นวิธีสุดท้าย ให้เพียงเพื่อหยุดพฤติกรรมที่ไม่ต้องการเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อระบายความโกรธของพ่อ แม่ วิธีการได้แก่ การดุว่า การให้เด็กแยกออกไปอยู่ที่อื่นตามลำพัง แต่ไม่ใช่การขังเด็ก การปรับโทษเช่น หักค่าขนม ส่วนการตีเด็ก อาจหยุดพฤติกรรมที่ไม่ต้องการได้ แต่ถ้าใช้บ่อยจะทำให้เด็กเข้าใจว่าพ่อแม่ไม่รักและมีผลเสียต่อความสัมพันธ์ของเด็กกับพ่อแม่ เด็กยังเรียนรู้ตัวอย่างจากพ่อแม่เวลามีปัญหาต้องใช้กำลังและความรุนแรง นอกจากนี้เด็กอาจรู้สึกเก็บกดจากพ่อแม่ตีแล้วไปก้าวร้าวชกต่อยที่โรงเรียน
           การเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ที่พ่อแม่ต้องไม่ปล่อยปละละเลย แม้ว่าเด็กบางคนเลี้ยงง่าย บางคนเลี้ยงยาก แต่คนที่เป็นพ่อแม่ก็ต้องปรับการเลี้ยงดูให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน ทั้งนี้เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นคนดีและมีความสุข คุณภาพของคนลักษณะเช่นนี้ จะทำให้สังคมเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างดี
นพ.วีรวุฒิ เอกกมลกุล

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พูดอย่างไรให้ดูดี
แนะวิธี“พูด”ให้ดูดีมีเสน่ห์

UploadImage


“วาจา” ไม่เพียงสะท้อนนิสัย แต่ยังนำมาซึ่งมิตร หรือ ก่อศัตรู ได้เสมอ! “พูดอย่างไรต้องใจ-พูดแบบไหนทำคนรอบกายยี้!”

การใช้ “ถ้อยคำ” สื่อสารกันทุกวันนี้ ไม่เพียงสะท้อนนิสัยใจคอ แต่สามารถนำมาซึ่งมิตร หรือ ก่อศัตรู ได้เสมอ! ทั้งยังส่งผลต่อ “บุคลิกภาพ” ที่แม้หน้าตา การแต่งกาย หรือ ท่วงท่าจะดูดี แต่หากวาจาไม่ชวนฟัง ย่อมไม่เป็นที่ประทับใจ ดับได้ง่าย ๆ เช่นกัน ก่อนเอ่ยคำพูดใดจึงควรตระหนักถึงคุณ และโทษที่จะเกิดตามมาด้วย

สำหรับ “การพูดดี” นั้น คือ ใช้คำ-น้ำเสียงสุภาพ เหมาะกับกาลเทศะ และบุคคล เพื่อให้เกียรติผู้ร่วมสนทนา การพูดควรมีหางเสียง (ครับ/ค่ะ) ไม่ละเลยที่จะกล่าวคำ “ขอโทษ ขอบคุณ สวัสดี” หลีกเลี่ยงคำพูดยุยง ก้าวร้าว โวยวาย เหน็บแนม หรือ ดูถูกผู้อื่น ใช้ภาษาถูกต้อง สื่อความหมายตรงกับความคิด พูดความจริงด้วยความจริงใจ แต่หากเป็นเรื่องไม่เกิดประโยชน์ ก่อโทษมากกว่า ไม่จำเป็นต้องพูด!

ใช้ถ้อยคำแฝงอารมณ์ขัน ติดตลกตามสมควร (โดยไม่เป็นการดูหมิ่นผู้อื่น) สามารถสร้างความประทับใจได้เช่นกัน ช่วยเพิ่มบรรยากาศความเป็นกันเอง หลีกเลี่ยงการพูดฝ่ายเดียว หรือ กล่าวแทรกตัดบทขณะคู่สนทนากำลังพูด ควรคำนึงถึงวาระ และโอกาสด้วยว่า “ช่วงไหนควรพูด-ช่วงไหนควรเป็นผู้ฟังที่ดี”

พูดดีเป็นศรีแก่ตัว มิตรภาพดี ๆ ก็เข้ามาสู่คุณได้ง่าย ๆ



ขอบคุณ ข้อมูล จิตวิทยาทั่วไป จาก เดลินิวส์ออนไลน์

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

        UploadImage

“สมาธิ” ความจำเป็นต่อการทำกิจกรรม เพราะการที่เราจะทำกิจกรรมอะไรให้ดีนั้น เราทุกคนต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ ตั้งใจทำ เพื่อให้ผลที่ออกมาได้ดังที่เราตั้งไว้
วันนี้พี่จึงมีสาระดีๆเกี่ยวกับการเรียน ที่เชื่อมโยงเรื่องของสมาธิมาแบ่งปันให้น้องๆค่ะ ไปติดตามกันเลยค่ะ

สาเหตุของการไม่มีสมาธิ
๑. ขาดความสนใจในสิ่งที่ทำ
๒. สนใจในสิ่งที่ทำมากจนเกินไป
๓. สนใจหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน
๔. ความเป็นคนหัวดี ปัญญาดี ทำให้คิดไปที่อื่นเร็ว
๕. จิตครอบงำด้วยนิวรณ์

การสร้างนิสัยให้มีสมาธิในชีวิตประจำวัน
๑. สร้างนิสัย ลงมือทำทันที
๒. สร้างนิสัย เรียนล่วงหน้า มิใช่แค่ เรียนตาม
๓. สร้างนิสัยมุ่งมั่นว่า ?ถ้าทำไม่เสร็จจะไม่ใส่ใจอะไรอื่น
๔. จัดลำดับของเรื่องที่จะทำก่อนลงมือ
๕. หัดคิดทีละเรื่อง โดยให้เจาะลึกในเรื่องนั้นๆ อย่าผิวเผิน
๖. สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะแก่การมีสมาธิ
๗. รู้จักพักเป็นช่วงๆ
๘. สร้างความเต็มใจและจริงใจที่จะทำสิ่งนั้นๆ
๙. พยายามหัดคิดในเรื่องสร้างสรรค์
๑๐. เลิกนิสัยมากเรื่องในการจะทำอะไรสักอย่าง

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน ได้แนะนำวิธีการทำสมาธิในห้องเรียนว่า
๑. หาที่นั่งที่สามารถมองเห็นครูและกระดานได้ชัดเจน
๒. เมื่อครูเดินเข้ามา ส่งจิตไปรวมที่ครูผู้สอน
๓. จับใจความให้ได้ตามที่ครูต้องการ
๔. เวลาว่างแทนที่จะนั่งคิดสิ่งอื่น ก็นำบทเรียนมาคิด
๕. ให้สติรู้ตัวทุกอิริยาบถ ในการทำ พูด คิด
ขอบคุณสยามเซาท์
เห็นกันรึยังคะว่าการมีสมาธิในการเรียน ส่งผลดีมากแค่ไหน ดังนั้นเรามาเริ่มกันวันนี้เลยนะคะ มาตั้งสติ และทำสมาธิไปพร้อมๆกัน ทุกอย่างไม่ยากอย่างที่คิดหรอกค่ะ ในครั้งต่อไป พี่จะมีสาระดีๆอะไรมาฝาก ก็ขอให้น้องๆติดตามด้วยนะคะ

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555


. .ความหมายสิ่งสำคัญที่ใช้ไหว้ครู. . .

        ในพิธีไหว้ครูนั้น นอกจากธูป เทียน แล้ว เครื่องสักการะที่ใช้ ยังมีข้าวตอก ดอกมะเขือ ดอกเข็ม และ หญ้าแพรก อีกด้วย โดยสิ่งเหล่านี้เป็นของหาง่าย และล้วนแฝงความหมาย แง่คิดสอนใจ

ข้าวตอก ได้มาจาก การนำข้าวเปลือกไปแช่น้ำให้นิ่ม แล้วจึงนำไปคั่วด้วยความร้อน จนเมล็ดข้าวแตก และ บานออกมีสีขาวบริสุทธิ์ มีความหมายว่า ครูย่อมสอนศิษย์ ทั้งด้วยวิธีปลอบโยน เปรียบได้กับน้ำที่ทำให้ข้าวเปลือกนิ่ม และ วิธีการเคี่ยวเข็ญที่เข้มงวด มีการลงโทษเมื่อศิษย์ ไม่ประพฤติปฏิบัติตาม เหมือนการนำเมล็ดข้าวไปคั่วด้วยความร้อน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ คือ ศิษย์เป็นคนดี มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต เปรียบได้กับ สีขาวของข้าวตอก และ การแตกบาน ของข้าวตอก

ดอกมะเขือ เป็นดอกไม้ที่บานแล้วคว่ำดอกลงสู่พื้นดิน เหมือนน้อมรำลึกถึงพระคุณของดิน แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นเครื่องเตือนใจให้ศิษย์ ระลึกได้อยู่เสมอว่า ศิษย์จักต้องระลึกถึงพระคุณครู และน้อมรับคำสั่งสอนของครู

ดอกเข็ม ด้วยลักษณะของดอกเข็ม ที่มีปลายแหลม เปรียบเหมือน ความฉลาดหลักแหลม การนำดอกเข็มมาไหว้ครู เชื่อว่าศิษย์จะมีสติปัญญาเฉียบแหลมและฉลาดรอบรู้ เปรียบเสมือนเหล็กแหลมที่ได้รับการฝน มาอย่างดี โดยคุณครูผู้มีความพยายาม และอดทนนั่นเอง

หญ้าแพรก เนื่องจากหญ้าแพรก เป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้ง และ ที่สำคัญสามารถขยายพันธุ์ได้รวดเร็วในทุกพื้นที่ แม้ถูกเหยียบย่ำก็ไม่ตาย เมื่อได้รับน้ำฝน ก็จะแตกใบขยายพันธุ์ขึ้นอีก มีความหมายว่า ศิษย์จะต้องมีความอดทน ต่อการเคี่ยวเข็ญ ดุว่า เฆี่ยนตี ของครู โดยไม่ถือโกรธ ดุจดังหญ้าแพรก และหากศิษย์กระทำตัวเช่นหญ้าแพรกได้ เมื่อเติบโตขึ้น ย่อมสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ในทุกสภาพสังคม ได้พบกับความเจริญในชีวิต

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555


 ประวัติวันไหว้ครู
วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษา ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู
ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ปี คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัยสถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา
ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า“ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บันดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง” จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่น ๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน เป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มีวันครูเพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกันประชาชน
การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือ หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ

การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลาในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

1. กิจกรรมทางศาสนา

2. พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณ บูรพาจารย์

3. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬาหรือ การจัดงาน รื่นเริงในตอนเย็น


ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้มีการกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่งประเทศ สำหรับในส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครู ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วยบุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด สำหรับส่วนภูมิภาคมอบให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกับส่วนกลางจะจัดรวมกันที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็ได้

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555

สวัสดีค่ะ  นักเรียนที่น่ารักทุกคน
         วันนี้ได้นำแบบฝึกหัดมาให้ลองทำเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนนะคะ  ลองทำดูแล้วจะเกิดความเข้าใจ  สามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
Comparison of adjective
Write down the comparative and superlative form of adjective

No
Adjective
Comparative
Superlative
1
tiny


2
great


3
simple


4
angry


5
valuable


6
good


7
thin


8
boring


9
generous


10
bad


11
convenient


12
helpful


13
much


14
modern


15
far


16
important


17
friendly


18
common


19
serious


20
disappointed



 Complete the sentences with the correct form of the adjectives given in brackets
1. It’s…………………..………(important) victory of his career Now everyone  agrees that he’s………………………(good) soccer   player in the world.
2. This  car is……………………..(fast) the previous model but I think the previous one was……………………..(reliable) I’ve  ever used.
3. Ladda is ……………….……….(cheerful) his sister; actually  she’s……………..……………(cheerful)  person  I  know.
4. My English teacher is ........................... (friendly) than my history teacher.
5. This medicine works ...................... (good) than the one I took last week.
6. Who is the ……………………........ (good) soccer player in the world?
7. She always gets good grades; she must be the ................................... (intelligent) girl in the class.
8. Moscow is ............................................... (far) than London.
9. Which country is ....................................... (big): Mexico or Costa Rica?
10. Aconcagua is the ................................. (high) mountain in South  America.
11. A Ferrari is ....................................... (fast) than a Maserati.
12. Mick Jagger is ....................................... (famous) than Steven Tyler.
13.This exercise was ................................. (easy) than  the  previous one.
14.This flower is…………………….…………… (beautiful) than  that  one.
15.This is the…………………………………… (interesting) book  I  have ever read.
16.He was the …………………………….…………(clever) thief of all.
17.Which is the…………………………………………… (dangerous) animal in the world?
18.It  is  strange  but  often a coke is …………………………..…………….(expensive) than a beer.
19.Who  is  the ………………………….……………..(rich) woman on earth?
20.The weather  this  summer is even …………………………(bad)  than last summer.

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555

สวัสดีค่ะ...วันนี้มีแบบทดสอบมาให้เด็ก ๆ            ลองทำดูนะคะ ทบทวนความรู้ที่เรียนไปแล้วในชั่วโมง  ใครทำถูกต้องทุกข้อ  สอบปลายภาคนี้ผ่านแน่นอนค่ะ  เกรด 4 อยู่แค่เอื้อมนะคะ

 

แบบทดสอบเรื่อง การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ ( Comparison of Adjectives )


1. Rob is the ................... of the ten boys.
     a) good        b) well         c) best         d) better
2. The baby drinks ............... milk than the man.
     a) much        b) many      c) more        d) most
3. Miss Universe is the ..................... beautiful girl.
     a) most         b) more        c) better      d) little
4. Anna has two sons. Nut is ......................, Nop is .................. .
     a) young , old                      b) younger, older
     c) the youngest , the oldest d) most young , most old 
5. In Thailand , April is the ..................... month of the year.
     a) colder            b) coldest        c) hotter           d) hottest
6. Linda's dress is ..................... Nuch’s dress.
     a) more pretty than              b) prettier than           
     c) the most pretty                d) the prettiest
7. The snake is .................. the worm.
     a) shorter than                     b) shortest than          
     c) longer than                      d) longest than
8. He is my ................... friend.
     a) more beautiful     b) better          c) best          d) faster
9. This film is ............... interesting than that one.
     a) very                      b) much          c) most        d) more
10. Art is.................... of all subject.
     a) more easier           b) the easiest  
     c) the most easy        d) easy than